วันที่ 16 ก.พ. นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มอบหมาย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง รองประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนหรือบอร์ดพีพีพี ครั้งที่ 1/67 โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อต
โดยข้อสรุปผลการประชุม บอร์ดพีพีพีเห็นชอบหลักการโครงการร่วมลงทุนท่าเทียบเรือ บี3 บี4 และ บี5 ท่าเรือแหลมฉบังของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดให้เอกชนร่วมลงทุน บริหาร และประกอบการท่าเทียบเรือตู้สินค้า มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 18,382 ล้านบาท ในรูปแบบพีพีพี เน็ต คอสต์ ซึ่งเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบการลงทุน อุปกรณ์เครื่องมือและเทคโนโลยียกขนสินค้า รวมทั้งรับความเสี่ยงด้านรายได้ของโครงการ โดยมีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับภาครัฐ
ในขณะที่ภาครัฐจะกำกับดูแลคุณภาพการดำเนินงานของเอกชนให้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา ทั้งนี้ โครงการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของท่าเรือแหลมฉบังในภาพรวม อันจะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งโลจิสติกส์และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ บอร์ดพีพีพียังได้เห็นชอบการปรับปรุงแผนการจัดทำโครงการร่วมลงทุน พ.ศ. 2563-2570 (แผนร่วมลงทุนฯ) เพื่อให้สอดคล้องกับความพร้อมของแต่ละโครงการและเป็นปัจจุบัน โดยมีรายการโครงการที่ประสงค์จะดำเนินการในรูปแบบพีพีพี รวม 135 โครงการ มูลค่ารวม 1.19 ล้านล้านบาท (ปรับเพิ่มขึ้นจากแผนร่วมลงทุนฯ ฉบับเดิม ซึ่งมีจำนวน 127 โครงการ มูลค่ารวม 1.17 ล้านล้านบาท) ทั้งนี้ แผนร่วมลงทุนฯ จะเป็นกรอบทิศทางการจัดทำโครงการพีพีพีที่ชัดเจน และจะช่วยสร้างความสนใจและดึงดูดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการของรัฐมากขึ้น
ขณะเดียวกันบอร์ดพีพีพียังได้เร่งรัดโครงการร่วมลงทุนต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงหรือกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ทั้งโครงการในระบบราง โครงการทางถนน และโครงการเชิงสังคม ให้สามารถเปิดให้บริการได้โดยเร็วเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงเพื่อให้มีบริการสาธารณะและระบบการขนส่งคมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว